หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

กล้วยไม้ไทย


     กล้วยไม้ เป็นพืชที่อำนวยประโยชน์ต่อมนุษย์ในสังคมปัจจุบันมากพอควร ทั้งนี้ เนื่องจากกล้วยไม้เป็นยาบำรุงจิตใจ ที่สามารถทำให้มนุษย์ซึ่งมีแต่ความเคร่งเครียดจากการงาน การดำรงชีวิต ได้รับการผ่อนคลาย จากการชื่นชมความงามของดอกกล้วยไม้ต่างๆ นอกจากนี้ยังพบว่ากล้วยไม้บางชนิด สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรได้อีกด้วยความงามของต้นใบ และดอกของกล้วยไม้นับว่ามีเสน่ห์เหนือกว่าดอกไม้อื่นใด สามารถดึงดูดความสนใจให้ใคร่อยากเป็นเจ้าของแก่ผู้ที่พบเห็น แม้จะเพียงชื่อก็ยังก่อให้เกิดจินตนาการ และให้ความรู้สึกถึงพีชดอกที่มีความสวยงามพิเศษแตกต่างกว่าพืชดอกชนิดอื่นๆ กล้วยไม้ที่ปลูกเลี้ยงเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อดอกที่สวยงาม นอกจากจะทำให้ผู้ปลูกเลี้ยงมีความภูมิใจแล้ว ยังเป็นที่นิยมชมชอบแก่ผู้พบเห็นเรียกว่า ทำให้เจ้าของพลอยมีหน้ามีตาไปกับกล้วยไม้ด้วย โดยทั่วไปกล้วยไม้ที่มีความงามเป็นพิเศษมักมีจำนวนน้อย ไม่พอต่อความต้องการจากเหตุผลดังนี้ จึงก่อให้เกิดวิทยาการเกี่ยวกับกล้วยไม้ด้านต่างๆ ขึ้นไม่ว่าด้านการแบ่งจำแนกชนิดพันธุ์ หรือสกุลการปลูกเลี้ยง ตลอดจนการขยายพันธุ์และวิชาการด้านอื่นๆ ที่จะเอื้อประโยชน์ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ เพื่อ  การพัฒนาไปสู่ธุรกิจและสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ



     การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เป็นการนำกล้วยไม้มาปลูกในโรงเรือนที่สร้างขึ้น และปรับสภาพแวดล้อมอันได้แก่ แสงสว่าง ความชื้น อุณหภูมิตลอดจนการให้ปุ๋ย และยาป้องกันกำจัดโรคแมลงที่เหมาะกับกล้วยไม้แต่ละชนิด จากความหมายนี้มนุษย์ได้รู้จักการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้มานานมากกว่า ๒๐๐ ปี เริ่มแรกโดยนักสำรวจพันธุ์ไม้จากทวีปยุโรป โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ชาวอังกฤษได้ออกสำรวจพันธุ์ไม้ในแถบอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ได้นำกล้วยไม้สกุลแคทลียา (Cattleya spp.) และสกุลอื่นๆ ในดินแดนแถบนี้มาปลูกเลี้ยงที่ยุโรปทำให้มีเรือนกล้วยไม้ และธุรกิจกล้วยไม้ เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ นอกจากนั้นยังได้นำกล้วยไม้จากเอเซียตอนใต้ไปปลูกเลี้ยง และพัฒนาพันธุ์ในยุโรปอีกด้วย จากการที่ประเทศอังกฤษ ได้อพยพคนจากอังกฤษไปยังอเมริกา คนเหล่านั้นก็ได้นำเอากล้วยไม ้ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทำให้มีเรือนกล้วยไม้หลายแห่งเกิดขึ้นในอเมริกา และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาต่อมาในระยะก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวฮอลันดาได้ปกครองอินโดนีเซีย และได้รวบรวม และศึกษาพันธุ์กล้วยไม้ของเอเซีย และได้มีการทดลองผสมพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ต่างๆ ที่สวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองโบกอร์ (Bogor) ซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากของเอเซียในสมัยนั้น กล้วยไม้ที่มีชื่อเสียงจากการผสมของสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ ส่วนมากจะเป็นสกุลหวาย และแวนด้า หลังสงครามโลกครั้งที่สองฮอลันดาได้มอบเอกราชให้อินโดนีเซีย หลังจากนั้นได้เกิดปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจจึงทำให้กิจการ และโครงการกล้วยไม้ ในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ทรุดโทรมลงไปด้วย ปัจจุบันกล้วยไม้ลูกผสมที่เหลือจากสวนแห่งนี้ได้ถูก ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ กัน ต่อมาในแถบประเทศคาบสมุทรมลายูทำให้ได้กล้วยไม้ลูกผสมใหม่ๆ ที่บังเกิดประโยชน์ทางธุรกิจของมาเลเซีย และสิงคโปร์เป็นอย่างมาก



มลรัฐฮาวาย - เมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ฮาวายเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะแห่งนี้นอกจากมีชนพื้นเมืองที่เป็นชาวเกาะแล้ว ยังมีชาวญี่ปุ่น และชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน สภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ และภูมิอากาศของหมู่เกาะฮาวายเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ ชาวญี่ปุ่นและชาวจีน จึงสนใจที่จะปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้จบลง กิจการกล้วยไม้ที่ถูกผลกระทบจากสงคราม ได้เริ่มฟื้นตัว และในภายหลังกิจการกล้วยไม้ในหมู่เกาะแห่งนี้ ได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกล้วยไม้พื้นถิ่นในสภาพธรรมชาติของฮาวายมีน้อยมาก ฮาวายจึงได้สั่งพันธุ์กล้วยไม้ป่า จากประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นไทย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ศรีลังกา ตลอดจนหมู่เกาะนิวกินี และออสเตรเลียเพื่อใช้ในการผสม และปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์อย่างกว้างขวาง ช่วงระหว่าง พ.ศ. ๒๔๘๙-๒๔๙๘ คือ ประมาณสิบปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฮาวายได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจกล้วยไม้ ได้มีการประชาสัมพันธ์ ทางสื่อต่างๆ ตลอดจนบัตรอวยพรส่งความสุข ทำให้วงการกล้วยไม้ของฮาวายเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก และได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมกล้วยไม้โลกครั้งที่สอง ขึ้น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ณ.นครโฮโนลูลู ในระยะนั้นประเทศไทยนับว่าเป็นลูกค้าที่สั่งกล้วยไม้จากฮาวายเข้ามาปลูก เลี้ยงเป็นจำนวนมาก และยังไม่มีความคิดริ เริ่มที่จะผสมพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้พื้นเมืองเอง ด้วยยังฝังใจว่ากล้วยไม้ต่างประเทศเท่านั้น ที่ควรค่าแก่การปลูกเลี้ยงในประเทศไทย